วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551

ปืนใหญ่ทำไงเป็นอย่างงี้ไปได้หว่า...เซ็งเลย


เวนเกอร์โทษเปาทำปืนเจ๊งหงส์
อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือมาดละเมียด "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ออกโรงจวกเชิ้ตดำ ปีเตอร์ โฟรดเฟลด์ ซึ่งเป่าให้ ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษอย่างน่ากังขาในช่วงท้ายเกมว่า มีส่วนสำคัญที่ทำให้ "เดอะ กันเนอร์ส" พลาดท่าปราชัยในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ 2 และกระเด็นตกรอบไปอย่างน่าเจ็บกระดองใจ ชมลูกทีมใจแกร่งดุจเพชร แต่ยังอ่อนประสบการณ์เกินไปนิด
อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เชื่อว่า การทำหน้าที่ผิดพลาดของผู้ตัดสิน ปีเตอร์ โฟรดเฟลด์ ซึ่งตัดสินใจเป่าให้ ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษในนาทีที่ 85 หลัง ไรอัน บาเบล ถูก โคโล่ ตูเร่ ชนล้มในเขตโทษว่า มีส่วนสำคัญที่ทำให้ "เดอะ กันเนอร์ส" ตกเป็นฝ่ายปราชัย "หงส์แดง" ขาดลอย 2-4 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ 2 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และกระเด็นตกรอบไปอย่างเจ็บปวดด้วยประตูรวม 2 นัด 3-5
เวนเกอร์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่า ความพ่ายแพ้ของเราในวันนี้ (วันอังคาร) เป็นเพราะการตัดสินที่น่าเคลือบแคลงใจของผู้ตัดสิน และการขาดสมาธิของเราในขณะที่สกอร์อยู่ที่ 2-2 มันยากที่จะยอมรับ มันน่าผิดหวังเป็นสองเท่าเพราะการตัดสินครั้งสำคัญต่างก็ไม่เข้าข้างเรา และเหลืออีก 3 นาทีเราก็จะได้ผ่านเข้ารอบแล้ว"
"มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจสำหรับผม เพราะสำหรับผมมันไม่ใช่จุดโทษ ผมย้อนกลับไปดูเหตุการณ์อย่างชัดเจนอีกครั้ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (จังหวะที่ เดิร์ค เค้าท์ ทำฟาวล์ อเล็กซานเดอร์ คเล็บ) มันเป็นจุดโทษอย่างแท้จริง แต่เราต้องยอมรับ เราไร้เดียงสาเกินไป เราขาดความเป็นผู้ใหญ่เล็กน้อยในการเล่นเกมรับ เราคุมเกมได้มาก"
"ความแข็งแกร่งทางสภาพจิตใจของเรายอดเยี่ยมมากในค่ำคืนนี้ มันเป็นเพราะเราขาดประสบการณ์ ทีมชุดนี้มีผู้เล่นพรสวรรค์ และมีศักยภาพอยู่มากมาย แต่เราขาดความมั่นใจไปนิดนึง คืนนี้เรารู้สึกผิดหวัง และรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม" กุนซือมาดละเมียด กล่าวในที่สุด


พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" นี้เป็นกฎความจริงธรรมดาที่จะเป็นอย่างอื่นไปไม่มีผู้คิดอย่างคนพาลว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป คนที่พูดอย่างนี้ เพราะเขาทำความดีไม่เป็น ไม่เข้าใจว่าการทำความดีนั้นจะต้องทำให้ ถูกดี ถึงดี และ พอดีถูกดี ก็คือ ทำดีให้ถูกกาลเทศะให้ถูกจังหวะ และพอเหมาะพอสมถึงดี ก็คือ ทำดียังไม่ทันถึงดี ก็เบื่อหน่ายเกียจคร้านเลิกทำดีเสียแล้ว พอดี ก็คือ บางคนทำดีเกินพอดี ล้ำหน้าเพื่อนฝูงเอาเด่นเอาดังเพียงคนเดียว อย่างนี้จะดีได้อย่างไรการทำความดีนั้น นอกจากจะต้องรู้กาลเทศะ และโอกาสที่เหมาะสมแล้ว ยังจะต้องดูความเกี่ยวข้องกับบุคคลกับกลุ่มคนกับสังคมด้วย การวางตัวดีตามความเหมาะสมต้องไม่มีลักษณะอันใดส่อให้เห็นว่า ออกจะประเจิดประเจ้อมากไป เสนอหน้ามากไปหน่อย เรื่องของการทำความดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าเกินๆ เลยๆ ไปก็ไม่ดี เพราะในสังคมคนธรรมดา มีคนบางพวกพร้อมที่จะทำลาย พร้อมที่จะคอยจับผิดอยู่ อย่างคำที่ท่านว่า
"อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดีแต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้จงทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัยไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน"เรื่องกฎของกรรมตามที่กล่าวมาแล้วว่า "ใครทำกรรมอันใดไว้ จะดีหรือชั่วก็ตาม จะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น" เพราะอะไร ก็เพราะว่าทำความดีมันจะดูดดีเข้ามา ทำความชั่วมันก็จะดูดชั่วเข้ามาเช่นกัน เรียกว่า ดีดูดดี ชั่วดูดชั่ว เราทำแต่ความดีมีความซื่อสัตย์สุจริตขยันขันแข็งในการทำงาน ไปทำงานที่ไหน บริษัทห้างร้านไหนก็ยินดีรับเข้าทำงานทั้งนั้น นี่คือ ดีดูดดี ดูดทั้งงาน ดูดทั้งเงิน ดูดเจ้านายผู้บังคับบัญชาให้มารักใคร่เอ็นดู อันเป็นผลของการทำความดีนั่นเองในทางตรงกันข้าม คนที่สร้างความชั่วไว้มากๆ ก็เป็นแรงดึงดูดเหมือนกัน แต่มันดูดเอาสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาให้มาทำลายตน เช่น ดูดเอาความเกลียดชัง ดูดเอาโทษทัณฑ์ ดูดเอาคุกตะราง เป็นต้น บางคนที่ร้ายมากๆ สามารถดูดเอาตำรวจทั้งโรงพักให้วิ่งตามไปจับ ไปทำลาย ก็มี นี่คือ ชั่วดูดชั่ว ซึ่งเป็นผลของการทำความชั่วดังนั้น เราทั้งหลายไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม จะเชื่อเถิดว่า ถ้าได้กระทำความชั่วแล้วจะไม่ได้รับผลชั่วที่เป็นบาปเป็นทุกข์นั้นเป็นไปไม่ได้ จะต้องได้รับแน่ๆ เร็วหรือช้าเท่านั้น ถึงแม้ชาตินี้ผลกรรมชั่วยังไม่ให้ผลก็จะต้องได้รับในชาติต่อๆ ไปอย่างแน่นอนยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มทำความดี ถ้าได้ประพฤติปฏิบัติโดยสม่ำเสมอจนเป็นปกตินิสัยแล้ว นั่นก็คือเราได้พัฒนาจิตของเราให้สูงขึ้น เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ และจะเป็นคนดีได้ตลอดไปด้วย